หนุ่มเตือนภัย กลมิจฉาชีพแบบใหม่ เนียนกว่าเดิม หลอกเหยื่อกดลิงก์ตรวจสอบคดี ดูดเงินหายเกลี้ยงบัญชี
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 4 มิถุนายน นายสาธิต อายุ 27 ปี ชาวกำแพงเพชร ร้องเรียนว่าถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้กลลวงหลอกโอนเงิน ซึ่งผู้เสียหายยืนยันไม่ได้มีการโอนเงินจากแอพพ์ธนาคาร หรือตู้ ATM แต่อย่างใด อยู่ๆ เงินก็หายจากบัญชีไปกว่า 6,100 บาท โดยมิจฉาชีพใช้กลลวงว่าผู้เสียหายได้ส่งพัสดุผิดกฎหมาย และมีประวัติฟอกเงินคดียาเสพติด จำนวน 9 ล้านบาท โดยได้โทรมาพูดคุยขอตรวจสอบบัญชี หากผู้เสียหายไม่โอนเงินให้ตรวจสอบก็ไม่เป็นไร ขอให้แอดไลน์พูดคุยพร้อมส่งลิงก์เว็บไชต์ https://66web.0581068.com/aqljxz.html เพื่อให้กรอกข้อมูลเพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงิน
ทั้งนี้ หลังจากที่ยอดเงินหายไป ผู้เสียหายได้ไลน์ไปสอบถามว่าเงินหายไปไหน ผู้อ้างว่าเป็นผู้กำกับฯระบุว่า เป็นขั้นตอนในการตรวจสอบ “คุณไม่โอน ผมเลยโอนเอง” ทั้งยังอ้างว่าเป็นเพียงขั้นตอนการตรวจสอบ หลังตรวจสอบจนเสร็จสิ้นคดีก็จะโอนคืนเอง
โดยรายละเอียดทั้งหมดมีดังนี้
ผู้เสียหาย เล่าว่า แก๊งคอลเช็นเตอร์ใช้เบอร์ 09-5362-1315 อ้างว่าโทรมาจาก ไปรษณีย์ไทย บอกว่าตนส่งพัสดุวันที่ 28 พ.ค.65 เวลา 13.50 น. (ทั้งที่ไม่ได้ส่ง) อ้างว่าผู้เสียหายใช้ที่อยู่จัดส่ง โดยมีผู้รับพัสดุปลายทางชื่อ “นายลี” ชาว อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย มีหมายเลขอ้างอิงคัดแยก 490897 โดยมิจฉาชีพบอกว่า ของที่ส่งเป็นพาสปอร์ตของชาวเมียนมา จำนวน 12 เล่ม มี ATM จำนวน 9 ใบ สมุดบัญชี จำนวน 9 เล่ม (3 ใน 9 เล่ม มีสมุดบัญชีของตนซ่อนอยู่ในเสื้อผ้า 10 ชุด) โดยมีรายชื่อผู้แจ้งข้อมูลให้ตรวจสอบคือ นายวุฒิชัย เจ้าหน้าที่หน่วยงานจัดแจ้งพัสดุ 028313550 ที่อยู่หลักสี่ กทม. โดยมิจฉาชีพบอกให้จดข้อมูลนี้ไปแจ้งตำรวจที่จะโอนสายมาพูดคุยด้วย
โดยจากนั้นมิจฉาชีพที่อ้างว่าเป็นตำรวจได้โทรมาพูดคุยขอแอด LINE ผู้เสียหาย โดยใช้ชื่อ “สภ.แหลมฉบัง” และบอกให้ผู้เสียหายบันทึกภาพหน้าจอจำนวนเงินในแอพพ์ธนาคารที่ตนเองมี จำนวน 6,112.97 บาท ส่งให้ทางไลน์ ซึ่งในระหว่างการสนทนามิจฉาชีพก็ทำทีใช้วิทยุสื่อสารกับตำรวจ และบอกว่าผู้เสียหายนั้นยังมีคดีฟอกเงินกับยาเสพติดด้วย ระหว่างนั้นผู้เสียหายก็ปฏิเสธ ซึ่งมิจฉาชีพก็อ้างอีกว่าหากปฏิเสธให้คุยกับผู้กำกับ สภ.แหลมฉบัง
ผู้เสียหายจึงได้แอดไลน์คุยกัน จากนั้นบอกให้ผู้เสียหายโอนเงินไปบัญชีกลางของตำรวจ ผู้เสียหายเริ่มเอะใจกลัวเป็นมิจฉาชีพเลยปฏิเสธ หลังจากนั้นมิจฉาชีพอ้างถ้าไม่โอนเงินมีอีกวิธีที่จะสามารถตรวจสอบได้ โดยให้ตนเองถ่ายรูปบัตรประชาชนส่งไปในไลน์เพื่อใช้ข้อมูลจากบัตรประชาชนตรวจสอบ โดยผู้เสียหายก็ได้ถ่ายบัตรประชาชน และรูปหน้าตรงปัจจุบันส่งไปให้ และได้บอกให้กดลิงก์เว็บไชต์ที่ส่งให้อ้างว่าเป็นเว็บของกรมบัญชีกลาง และให้กดที่โลโก้ตำรวจ เมื่อกดไปก็ให้กรอกข้อมูลตามหัวข้อต่างๆ
หลังจากนั้นมิจฉาชีพก็อ้างว่าไม่มีการโอนเงินออกจากบัญชีผู้เสียหายแน่นอน ซึ่งผู้เสียหายก็ได้กรอกรหัสทุกอย่างตามแบบฟอร์มในเว็บไชต์พร้อมยืนยัน ซึ่งในระหว่างทำการกรอกข้อมูลทั้งหมดก็คุยสายกับมิจฉาชีพตลอด (รวมเวลาเกือบกว่า 2 ชั่วโมง) โดย 1.30 ชั่วโมงแรกคุยแต่เรื่องคดี และครึ่งชั่วโมงสุดท้ายคุยเรื่องเงินในบัญชีจนวางสาย ผู้เสียหายเอะใจเลยเข้าไปในแอพพ์ธนาคาร พบว่าเงินในบัญชีหายไป 6,100 บาท เหลือติดบัญชีแค่ 12.97 บาท
ผู้เสียหายได้โทรกลับไปที่ไลน์ของมิจฉาชีพเพื่อสอบถามว่าเงินบัญชีตนหายไปได้ยังไง ปลายสายทำท่าทีตกใจ และพูดว่าเกิดขึ้นได้ยังไง ทางเราไม่ได้โอนออกนะ เดี๋ยวจะตรวจสอบให้ จากนั้นก็วางสายไป ผู้เสียหายก็ได้แชตพูดคุยทางไลน์ โดยมิจฉาชีพอ้างว่าก็ผู้เสียหายไม่ยอมโอน เลยจัดการโอนเงินเองเลย ผู้เสียหายถึงรู้ว่าโดนแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกเข้าแล้ว จึงรีบนำเรื่องนี้ไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สภ.คลองขลุง ทันทีเพื่อดำเนินคดี
นายสาธิต อายุ 27 ปี ซึ่งเป็นผู้เสียหาย เล่าว่า ตนเอะใจตั้งแต่แรกแล้วว่าเป็นมิจฉาชีพ แต่กลอุบายในการหลอกครั้งนี้มันทำให้เชื่อได้ว่าจะเป็นเรื่องจริง ยิ่งบอกว่าหากไม่โอนเงินก็สามารถตรวจสอบได้ถึงความบริสุทธิ์ของตน ทำให้ตนเชื่อสนิทใจว่าเป็นเรื่องจริง ทั้งเว็บไชต์ และเสียงการสนทนาทั้งหมดมันเหมือนจริงหมด และสุดท้ายตนก็ถูกโอนเงินออกไปจากบัญชีธนาคารทั้งๆ ที่ไม่ได้โอนจากแอพพ์และ ATM แต่อย่างใด ซึ่งนับว่าถือเป็นวิธีการหลอกลวงที่อันตรายมาก เลยนำเรื่องนี้ไปแจ้งความและร้องเรียนกับผู้สื่อข่าวให้นำเสนอเป็นอุทาหรณ์เตือนภัยสังคม พร้อมกับขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยเร่งติดตามคดีนี้ให้ตนด้วย โดยตำรวจก็ฝากเตือนประชาชนให้ระวังแก๊งคอลเช็นเตอร์ที่หากลโกงแบบต่างๆ มาหลอกประชาชนให้ตกเป็นเหยื่ออยู่บ่อยครั้ง ห้ามคุย ห้ามทำอะไรทั้งสิ้น ไม่เช่นนั้นอาจตกเป็นเหยื่อแก๊งมิจฉาชีพก็ได้
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก
Line @Matichon ได้ที่นี่