ช่วงปลายฝนต้นหนาวแบบนี้ เป็นอีกหนึ่งฤดูกาลท่องเที่ยวที่หลายๆ คนชื่นชอบ จากการที่ฝนตกน้อยลง อากาศที่เริ่มเย็นสบายมากขึ้น แต่ก็ยังเขียวชอุ่มชุ่มฉ่ำน่ามอง และในช่วงนี้เอง ก็ถือว่าเป็นฤดูกาลแห่งการล่าหมอก ที่นักท่องเที่ยวต่างรอคอยที่จะเดินทางไปชมทะเลหมอกสุดสวยตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ
ชวนมาชม 10 จุดชมทะเลหมอกสุดสวยทั่วไทย ไปแล้วได้ฟินสุดๆ กับทะเลหมอกและอากาศเย็นสบาย
ภูชี้ดาว จ.เชียงราย
“ภูชี้ดาว” ตั้งอยู่ที่บ้านร่มโพธิ์เงิน ม.11 ต.ปอ อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย อยู่ทางซ้ายมือของภูชี้ฟ้า ลักษณะเป็นสันเขายาวแคบๆ ที่สามารถขึ้นไปชมวิวได้แบบ 360 องศา โดยทางเดินไปสู่ยอดภูได้สร้างรั้วไม้ไปตลอดแนวเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว
การขึ้นไปชมวิวบนภูชี้ดาว นักท่องเที่ยวจะต้องมาขึ้นรถที่บริเวณจุดจอดรถบ้านร่มโพธิ์เงิน โดยต้องนั่งรถขับเคลื่อนสี่ล้อของชาวบ้านพาขึ้นไปยังภูชี้ดาว รถจะพาไต่ไปบนเขาสูงชันใช้เวลาราว 20 นาที จากนั้นเราจะต้องเดินจากจุดจอดรถขึ้นไปยังจุดชมวิวภูชี้ดาวอีก ราว 350 เมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 15-20 นาที ก็จะพบกับความงดงามบนภูชี้ดาว
ในวันที่ท้องฟ้าเป็นใจ ที่นี่จะเป็นจุดชมทะเลหมอกและจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามยิ่งนัก มองเห็นเป็นทะเลหมอกหนาเป็นปุย มียอดเขาที่โผล่พ้นหมอกขึ้นมาให้เห็นอย่างมีเสน่ห์ และหากมองไปทางขวามือก็จะได้เห็นยอดภูชี้ฟ้าได้ชัดเจนอีกด้วย
กิ่วแม่ปาน จ.เชียงใหม่
“กิ่วแม่ปาน” ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ บริเวณกิโลเมตรที่ 42 ของถนนสายจอมทอง-ยอดดอยอินทนนท์ เป็นเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติระยะสั้น มีเส้นทางเดินเป็นวงรอบระยะทาง 3.2 กิโลเมตร ที่ความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 2,400 เมตร เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและ ทะเลหมอกที่สวยงามอีกจุดหนึ่ง
ลักษณะเส้นทางกิ่วแม่ปานเป็นวงรอบทางเดินลาดชันขึ้นไป และสุดท้ายจะวกกลับมาบรรจบกับทางเดินที่เดินเข้ามาครั้งแรก มีระยะทางประมาณ 3.2 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดิน 2-3 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคน
ระหว่างทางจะได้สัมผัสธรรมชาติ มีต้นไม้น้อยใหญ่นานาชนิดให้ชมอย่างเพลิดเพลิน บริเวณจุดชมวิวเป็นพื้นที่โล่ง มีระเบียงยื่นออก บางวันจะมองเห็นทะเลหมอกที่มีเมฆปกคลุมอยู่ตรงหน้าตัดกับสีทองของทุ่งหญ้า ได้ที่บริเวณนี้ และวันที่ฟ้าเปิดจะมองเห็น อ.แม่แจ่ม ที่อยู่เบื้องหน้าได้ชัดเจน
ยอดเขาโมโกจู จ.กำแพงเพชร
“ยอดเขาโมโกจู” ยอดเขาที่สูงที่สุดของผืนป่าตะวันตก และเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ฝั่งจังหวัดกำแพงเพชร (พื้นที่ครอบคลุม 2 จังหวัด คือ นครสวรรค์และกำแพงเพชร) การเดินป่าเพื่อพิชิตยอดเขาแห่งนี้เป็นการเดินป่าระยะไกล ด้วยระยะทางรวมไปกลับกว่า 62 กิโลเมตร ทำให้ต้องแบ่งการเดินทางออกเป็น 5 วัน 4 คืน และต้องตั้งแคมป์นอนกลางป่า แต่ทะเลหมอกบนยอดโมโกจูนั้นก็สวยสุดๆ ด้วยเช่นกัน
“โมโกจู” ซึ่งเป็นภาษากะเหรี่ยงแปลว่า “คล้ายว่าฝนจะตก” คนตั้งชื่อคงได้เห็นบรรยากาศบริเวณยอดเขาที่มีไอหมอกปกคลุมครึ้มอยู่ตลอดเวลาเหมือนว่าฝนจะตกนั่นเอง แม้เส้นทางค่อนข้างโหดหิน แต่ในวันที่อากาศเป็นใจ ทิวทัศน์ทะเลหมอกบนยอดโมโกจูก็สวยงามยิ่งนัก เบื้องล่างใต้เท้าของเราถูกปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกหนาเป็นปุย มองเห็นทะเลหมอกสีขาวสุดลูกหูลูกตาไปจนจรดขอบฟ้ากว้างไกล ส่วนเบื้องบนดวงอาทิตย์ยังคงสาดแสงส่องผ่านท้องฟ้าสีน้ำเงินเป็นภาพประทับใจยิ่งนัก
ภูค้อ จ.เลย
“ภูค้อ” หรือ “ภูเป้ง” (ตั้งชื่อตามต้นค้อและต้นเป้งในอดีตพบเจอต้นไม้ 2 ชนิดนี้อยู่เป็นจำนวนมาก) เป็นส่วนหนึ่งของป่าชุมชนบ้านบุ่ง ต.นาแห้ว อ.นาแห้ว ซึ่งปัจจุบันชาวบ้านได้จัดสรรพื้นที่ส่วนหนึ่งพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว
สำหรับการขึ้นสู่ยอดภูค้อนั้นต้องใช้บริการรถอีแต๊กของชุมชน นั่งขึ้นเขาผ่านท้องนาท้องไร่ประมาณ 30 นาที – 1 ชม.(ตามระยะทางใกล้-ไกลของจุดพักแรมบนยอดภู)
ยอดภูค้อมีความสูงประมาณ 855 เมตรจากระดับน้ำทะเล ปัจจุบันมีจุดชมวิวหลักอยู่ 3 จุดด้วยกัน นำโดยจุดชมวิว “จุดที่ 3 ภูค้อ” ซึ่งมีการปรับปรุงพื้นที่เป็นลานกางเต็นท์ ดูดาว และแคมป์ปิ้งท่ามกลางบรรยากาศแห่งป่าไพร (นักท่องเที่ยวสามารถแจ้งล่วงหน้าให้ชุมชนบ้านบุ่งจัดเตรียมอาหารขึ้นไปบริการบนนี้ได้)
บนจุดที่ 3 ภูค้อ เมื่อมองลงไปจะเห็นวิวทิวทัศน์อันกว้างไกลของ อ.นาแห้ว และ เมืองแก่นท้าว แขวงไชยะบุลี แห่ง สปป.ลาว โดยมีแม่น้ำเหืองไหลผ่านเป็นพรมแดนระหง่างไทย-ลาว
นอกจากนี้บนจุดที่ 3 ภูค้อ ยังมีการทำระเบียงชมวิวให้นักท่องเที่ยวเฝ้ารอชมพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอก ที่จะค่อย ๆ ก่อตัวลอยไหลตามร่องเขามารวมกันเป็นทะเลหมอกอันหนาตา โดยเฉพาะยามที่สายหมอกได้ค่อย ๆ ไหลลอยอ้อยอิ่งเปลี่ยนรูปร่างไปตามแรงลมที่พัดพานั้น มันดูปานประหนึ่งมีชีวิต
ผามออีแดง จ.ศรีสะเกษ
“ผามออีแดง” เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เป็นแหล่งท่องเที่ยวและจุดชมวิวทะเลหมอกที่สวยงาม และยังมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่มีภาพหินแกะสลักอายุนับพันปีซ่อนอยู่
ผามออีแดงจะอยู่ห่างจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวไปประมาณ 200 เมตร มีลักษณะเป็นหน้าผาหินสีแดงที่มีแนวผาหักชันลงสู่เบื้องล่าง กั้นเขตแดนประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา ตลอดแนวผามออีแดงมีระยะทางประมาณ 300 เมตร พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเนินราบที่ลาดชันไม่มากนัก และยังเป็นจุดชมทิวทัศน์อันกว้างไกลสุดสายตา สามารถมองเห็นปราสาทเขาพระวิหารที่ห่างออกไปประมาณ 1 กม. ได้และเบื้องล่างยังมองเห็นทิวเขาและผืนป่าที่กว้างไกลในเขตประเทศกัมพูชาที่อยู่ต่ำลงไปหรือที่เรียกว่าเขมรต่ำ
ทางทิศใต้ของผามออีแดง ทหารไทยที่มาประจำการที่บริเวณนี้ได้ค้นพบ “ภาพแกะสลักนูนต่ำ” บนผนังหินทรายอยู่ใต้หน้าผา หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นทิศแห่งความก้าวหน้า ในช่วงที่ตะวันขึ้นและตะวันตก แสงของพระอาทิตย์จะส่องสะท้อนที่ภาพให้ความสวยงามอย่างมาก โดยเป็นภาพของเทพที่คล้ายนางอัปสรา 3 องค์ เชื่อว่าเป็นที่ซ้อมมือของช่างในการแกะสลักก่อนเริ่มการแกะสลักจริงที่ปราสาทเขาพระวิหาร หรืออาจจะเป็นพิธีกรรมการเซ่นไหว้ของช่าง และยังมีภาพสลักลายเส้นเป็นรูปของพระนารายณ์อวตารปางวราหาวตารอยู่ด้วย สันนิษฐานว่าภาพแกะสลักนี้จะอายุราวพุทธศตวรรษที่ 15 (ประมาณ 1,500 ปี) ซึ่งสันนิษฐานว่าเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย
ผาชมตะวัน จ.ขอนแก่น
จุดชมวิวผาชมตะวันนั้นอยู่ในเขต อ.เวียงเก่า จ.ขอนแก่น ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติภูเวียง อยู่ห่างจากน้ำตกตาดฟ้าประมาณ 2.5 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากลานกางเต็นท์ตาดฟ้าประมาณ 3 กิโลเมตร สามารถขับรถเก๋งขึ้นไปชมได้
บริเวณจุดชมวิวมีลักษณะเป็นลานหินที่เกิดจากการยกตัวของแผ่นเปลือกโลกและรอยเลื่อนทำให้เกิดเป็นหน้าผาซึ่งสามารถมองเห็นทัศนียภาพสวยงามด้านล่าง และสามารถมองเห็นอ่างเก็บน้ำเขื่อนอุบลรัตน์ได้ด้วย นับว่าเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้าที่สวยงามอีกจุดหนึ่งของจังหวัดขอนแก่น สำหรับคนที่อยากไปกางเต็นท์รอชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ลานกางเต็นท์ตาดฟ้า ทางอุทยานมีบริการให้เช่าเต็นท์ มีห้องน้ำบริการ แต่ที่จุดกางเต็นท์ไม่มีร้านอาหาร นักท่องเที่ยวต้องเตรียมไปเอง
ภูทอก จ.เลย
“ภูทอก” เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่ไปเที่ยว อ.เชียงคาน แล้วมักไม่พลาดไปชมทะเลหมอกและทิวทัศน์ยามเช้ากันที่ภูทอก
คำว่า “ภูทอก” เป็นภาษาถิ่นหมายถึง “ภูเขาที่โดดเดี่ยว” โดยภูทอกแห่งเชียงคานนั้นเป็นจุดชมวิวทะเลหมอกที่มีชื่อเสียง บนยอดภูจะสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองเชียงคานที่ปกคลุมไปด้วยไอหมอก และลำน้ำโขงที่ไหลผ่านแนบชิดเมืองเชียงคานแห่งนี้ การขึ้นไปบนยอดภูทอกนั้นไม่สามารถนำรถขึ้นไปบนยอดภูได้เอง แต่จะมีรถบริการคอยรับส่งสำหรับนักท่องเที่ยวทั้งขาไปและกลับขึ้นสู่บนยอดภู
แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี
ในภาคกลางก็มีทะเลหมอกให้เราได้ชมแบบใกล้กรุง ที่ “อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน” อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเพิ่งถูกประกาศให้เป็นมรดกโลกแห่งใหม่ของไทยในปีนี้เอง โดยมีพื้นที่ 1.8 ล้านไร่ ครอบคลุมถึง 2 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเพชรบุรีและประจวบคีรีขันธ์ มีลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาซับซ้อนอยู่ในเทือกเขาตะนาวศรี
บนเขาพะเนินทุ่งที่อยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานนั้นอุดมสมบูรณ์ไปด้วยต้นไม้ที่ช่วยสร้างความชื้นจนเกิดเป็นสายหมอกให้เราได้ชมกัน โดยเขาพะเนินทุ่งจะมีจุดชมทะเลหมอกบริเวณ 2 จุดด้วยกันคือ “จุดชมวิวพะเนินทุ่ง” หรือ “จุดชมวิวบริเวณ ก.ม.30” ซึ่งเป็นจุดชมวิวใกล้กับบริเวณที่กางเต็นท์ ซึ่งสามารถเดินไปชมได้ ในยามเช้าที่นี่จะสามารถมองเห็นทะเลหมอกสีขาวปกคลุมทั่วทั้งหุบเขา และเมื่อทะเลหมอกสลายตัวไป จะเห็นผืนป่าสลับซับซ้อนอยู่เบื้องล่าง สูดอากาศบริสุทธ์ได้อย่างสดชื่น
และจุดที่สองนั่นคือ “จุดชมวิวบริเวณ ก.ม. 36” ที่นี่แค่ยืนดูก็สามารถสัมผัสได้ถึงทะเลหมอกที่ลอยมาปะทะใบหน้าให้ความรู้สึกชุ่มฉ่ำได้อย่างใกล้ชิด จากนั้นยังมีเส้นทางเดินเท้าลงไปสู่ “น้ำตกทอทิพย์” ที่มีระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร ป็นน้ำตกที่ขนาดใหญ่ความสูงประมาณ 9 ชั้น
ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง จ.ยะลา
“จุดชมทะเลหมอกอัยเยอร์เวง” หรือ “จุดชมทะเลหมอกเขาไมโครเวฟฯ” เดิมทีชาวบ้านเรียกว่า “บูเก๊ะเฉง” หรือ “ภูเขาเจ๊ง” เพราะกว่าจะเดินขึ้นไปถึงด้านบนก็หมดแรงแล้ว ต้องทิ้งข้าวของไว้รายทางถึงจะมีแรงเดินขึ้นเขาต่อไปได้
จุดชมทะเลหมอกอัยเยอร์เวง มีความสูง 2038 ฟุตจากระดับน้ำทะเล ขึ้นชื่อในเรื่องของการชมพระอาทิตย์ขึ้นรับแสงแรกของวัน ควบคู่ไปกับการชมทะเลหมอกอันงดงาม ซึ่งสามารถเห็นทะเลหมอกได้ตลอดทั้งปี ในมุมมอง 360 องศา นอกจากนี้ก็ยังมีวิวทิวทัศน์ของผืนป่าฮาลา-บาลา ทะเลสาบเขื่อนบางลาง รวมถึงสามารถมองไปไกลได้ถึงประเทศมาเลเซียเลยทีเดียว และไฮไลต์สำคัญก็คือ “สกายวอล์คทะเลหมอกอัยเยอร์เวง” ที่เปิดให้เข้าชมได้แล้วเมื่อช่วงปลายปี 2563 ที่ผ่านมา
สกายวอล์คทะเลหมอกอัยเยอร์เวง มีความสูง 45 เมตร สามารถชมทิวทัศน์ได้ 360 องศา มีพื้นกระจกใสอยู่บริเวณช่วงปลายให้ได้ชมผืนป่าด้านล่าง และนับว่าเป็นสกายวอล์คที่มีความยาวที่สุดในอาเซียน สามารถเดินออกไปชมทะเลหมอกได้กว้างไกลและใกล้ชิด
เขาไข่นุ้ย จ.พังงา
“เขาไข่นุ้ย” ตั้งอยู่ที่บ้านฝายท่า ต.ทุ่งมะพร้าว อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา เดิมเป็นพื้นที่ทำสวนยางของชาวบ้าน พวกเขาเห็นทะเลหมอกกันจนชินตา แต่ไม่คิดว่ามันจะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวได้ จนเมื่อทาง อบต. ไปพบและทำการประชาสัมพันธ์ออกไปก็ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม โดยเขาไข่นุ้ยมีจุดเด่นอยู่ที่ 5 มหัศจรรย์ คือ 1.พระอาทิตย์ขึ้น 2.พระอาทิตย์ตก 3.ทะเลหมอก 4.ทะเลอันดามัน และ 5.ทิวเขา
บนยอดเขาไข่นุ้ยมีจุดชมวิวทะเลหมอกอยู่ 2 จุดด้วยกัน โดยบริเวณที่เห็นทะเลหมอกในเบื้องหน้านั้นเป็นช่องเขาขนาดใหญ่ ล้อมรอบด้วยภูเขาลูกใหญ่หลายลูก จึงถือเป็นจุดรวมของหมอกชั้นดี โดยทะเลหมอกบนเขาไข่นุ้ยจะเปลี่ยนรูปทรงอยู่เรื่อยๆ ไปตามกระแสลม ส่วนโอกาสในการพบทะเลหมอกในทุกๆ เช้านั้นมีมากถึง 80% และสามารถชมทะเลหมอกได้ทุกฤดูอีกด้วย
สำหรับฤดูกาลล่าหมอกในปีนี้ อาจจะติดขัดในเรื่องสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศอยู่บ้าง ในหลายๆ จุดเริ่มเปิดให้เข้าไปท่องเที่ยวกันได้แล้ว แต่อย่างไรก็ต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคของสถานที่นั่นๆ ด้วย เพื่อการท่องเที่ยวอย่างปลอดภัย เที่ยวกันได้อย่างมีความสุข
#########################################
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ [email protected] หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline