เศรษฐีป้ายแดง เส้นทางเงินล้าน “เสริมวุฒิ สุวรรณโรจน์” เจ้าของ “เฉาก๊วยชากังราว ตราเพชร” เรียนจบ ป.4 ลองผิดลองถูก เร่ขายตามถนนจนได้ดี กว่าจะมีวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย
วันที่ 8 มีนาคม 2564 รายการ “เศรษฐีป้ายแดง” พาไปพูดคุยกับ คุณเสริมวุฒิ สุวรรณโรจน์ เจ้าของ “เฉาก๊วยชากังราว ตราเพชร”
ขายทั่วประเทศ ผลิตวันละ 5 หมื่น – 1 แสนถุง ส่งออกประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งมาลเซีย พม่า ลาว กัมพูชา
คุณเสริมวุฒิ เล่าว่า เฉาก๊วย ผลิตมาจากต้นเฉาก๊วย วัตถุดิบส่วนใหญ่นำเข้าจากต่างประเทศจีน เวียดนาม อินโดนีเซีย ราคาต้นหนึ่งประมาณเกือบ 2 แสนบาท ซึ่งตอนนี้บ้านเราเริ่มทดลองปลูกบ้างแล้ว 10 กว่าไร่ แต่ยังไม่เพียงพอ ทำให้โรงงานต้องสต๊อกวัตถุดิบไว้ เป็นร้อยๆ ตัน
แต่กว่าจะประสบความสำเร็จถึงวันนี้ไม่ง่าย คุณเสริมวุฒิ ได้เล่าจุดเริ่มต้นในวัยเด็กว่า ครอบครัวของตนเองยากจน เรียนจบ ป.4 จากโรงเรียนวัด จนอายุ 21 ปี ได้ย้ายตามแฟนไปอยู่ที่ จ.กำแพงเพชร ที่ กศน. และได้เป็นพนักงานขับรถอยู่ที่นั่น
ตอนนั้นเป็นพนักงานขับรถเงินเดือนไม่กี่พัน ก็เลยอยากมีรายได้เสริมเพิ่มวันละ 200 บาท พอดีลูกชายไปทำงานที่โรงงานเฉาก๊วย และผมเห็นว่าเฉาก๊วยน่าทำ จึงลองซื้อต้นเฉาก๊วยตากแห้งแถว ถ.ทรงวาด ใกล้ๆ เยาวราช มาลองทำอยู่หลายครั้งแต่ไม่ได้ มีโอกาสได้อ่านวารสารฉบับหนึ่ง เลยนำมาลองทำจนเริ่มทำขาย แต่ยังขายไม่ดี เพราะไม่รู้เรื่องการขาย ขายได้ไม่ถึงวันละ 50 บาท
พอเริ่มขายตามสำนักงานบ่อยๆ ก็เร่ิมสังเกตว่า ข้าราชการช่วงกลางๆ เดือนเริ่มเงินไม่พอใช้แล้ว ผมเลยขายเฉาก๊วยแบบกินก่อนจ่ายทีหลัง ลงบัญชีไว้สิ้นเดือนค่อยมาจ่าย ทำให้ยอดขายดีขึ้น ผ่านไป 1 ปี รายได้ต่อวัน 5-6 พันบาท แต่ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะขายหลายที่ ทั้งขายตามสำนักงาน ตั้งแผงขาย เข็นรถขายตามถนน แล้วนำคำติชมของลูกค้ามาปรับปรุงสูตรอยู่เรื่อยๆ
คุณเสริมวุฒิ เล่าต่อว่า พอเริ่มขายดีก็อยากทำตราสินค้าให้คนจำได้ วันหนึ่งได้ขับรถผ่านศาลเจ้าพ่อหลักเมืองกำแพงเพชร ก็เหมือนมีอะไรดลใจนึกถึงคำว่า “ชากังราว” ขึ้นมา ส่วนตัวคิดว่าฟังดูมีเอกลักษณ์ดี เลยเพิ่มคำว่า “เพชร” มาจากกำแพงเพชร กลายเป็น เฉาก๊วยชากังราว ตราเพชร
อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ “เฉาก๊วยชากังราว ตราเพชร” เป็นที่รู้จักคือ มีการนำเสนอในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ คอลัมน์ “เที่ยวไป กินไป” ของพลเอก ด็อกเตอร์ โอภาส โพธิแพทย์ ทำให้ขายดิบขายดี มีคนถามหา มีออเดอร์จากต่างจังหวัดมากขึ้นเรื่อยๆ
แต่จากช่วงที่ขายรุ่งๆ ก็มาเจอวิกฤติเกือบเอาชีวิตไม่รอด เนื่องจากเมื่อก่อนเป็นคนทำงานหนัก ดื่มหนัก วันนั้นวันสิ้นปีขายของเสร็จก็กินเหล้ากินเบียร์ต่อจนถึง ตี 4 พอตื่นขึ้นมาเพื่อนก็ยื่นเบียร์ให้อีก พอกินปุ๊บน็อกเลย ถูกนำตัวส่ง รพ.สิงห์บุรี เส้นเลือดในสมองแตก จากนั้นถูกส่งตัวไป รพ.ศูนย์ รพ.รามา รพ.พญาไท จนหมอบอกว่าให้กลับบ้านไปสั่งเสีย พอกลับบ้านก็คิดว่าไม่รอดแล้ว จนมีคืนหนึ่งฝันว่าเจอญาติพี่น้องที่ตาย เหมือนไปทัวร์โลกหลังความตาย แล้วก็ได้มายืนใกล้ๆ พระนอนวัดบ่อสามแสน จากนั้นก็ฟื้นขึ้นมา อาการเร่ิมดีขึ้น แต่ความจำยังไม่กลับมา เป็นแบบนั้นเกือบปีจนค่อยหายดี
พอหายดีจึงอยากช่วยบูรณะวัดบ่อสามแสน ตอนนั้นเหลือเงินติดบ้าน 2 ล้าน ก็นำมาทำบุญสร้างวิหาร ก็มีทะเลาะกับที่บ้านเพราะเป็นเงินก้อนสุดท้าย แต่ผมก็บอกไปว่า เงินทองหาใหม่ได้ แต่บุญนี้เราอยากทำ เพราะเราโตมากับวัด ตอนทำเฉาก๊วยขายใหม่ๆ ก็ไปยืมหม้อวัดมาทำขายจนมีวันนี้ได้ ที่บ้านจึงยอม ซึ่งสร้างวิหารเบ็ดเสร็จแล้ว หมดไป 9 ล้าน ทุกวันนี้ก็ทำบุญ บริจาคเงินให้ รพ. ทำโครงการส่งเสริมคุณธรรมศีลธรรมตามโรงเรียนต่างๆ ทำบุญไปร่วม 200 ล้าน
คุณเสริมวุฒิ เล่าต่อว่า ปัจจุบันให้ลูกชายไปดูโรงงานเฉาก๊วยที่กำแพงเพชร ส่วนลูกสาวดูโรงงานเฉาก๊วยที่หาดใหญ่ สำหรับผลิตส่งภาคใต้และมาเลเซีย
สำหรับ รายการ “เศรษฐีป้ายแดง” ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32 และติดตามชมย้อนหลังได้ทาง YouTube ช่อง Thairath.