คนไทยยังไม่ทันหายขวัญผวากับ“ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์อินเดีย”ที่โผล่ในแคมป์คนงานเขตหลักสี่ ซึ่งไวรัสสายพันธุ์นี้เจอในไทยครั้งแรกในสถานกักกันโรค จนต้องเฝ้าระวังแล้วเฝ้าระวังอีก หวั่นเชื้อกลายพันธุ์เข้าประเทศ แต่จนแล้วจนรอดก็หลุดมาโผล่ถึงกลางกรุงจนได้
ความกลัวสายพันธุ์อินเดียยังไม่ทันหาย ล่าสุดต้องช็อคอีก หลังตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิค-19 สายพันธุ์แอฟริกาใต้ ในคลัสเตอร์ที่จังหวัดนราธิวาส
ขณะที่แพทย์ออกมาแสดงความเป็นห่วงเจ้าไวรัสสายพันธุ์แอฟริกาใต้นี้เป็นสายพันธุ์เจ้าพ่อตัวจริง เพราะแพร่กระจายโรคได้เร็ว ก่อโรครุนแรง แถมดื้อต่อวัคซีนมากที่สุดในบรรดาสายพันธุ์หลักอื่นๆ ที่แพร่ระบาดอยู่ทั่วโลก พร้อมจี้รัฐบาลปูพรมฉีดวัคซีนให้มากที่สุด อย่างเร่งด่วนที่สุด
เรียกว่าสถานการณ์ตอนนี้เอาไม่หยุดฉุดไม่อยู่ ยอดผู้ติดเชื้อพุ่ง ยอดผู้เสียชีวิตสูงอย่างต่อเนื่อง ไม่มีทีท่าจะแผ่วลง
แต่เรื่องใหญ่ที่ทุกคนกำลังจับตาคือ การบริหารจัดการฉีดวัคซีนจะทำได้ตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้หรือไม่? ในการระดมปูพรมฉีดวัคซีนทั่วกรุง ซึ่งเป็นพื้นที่สีแดงเข้มให้ได้ 5 ล้านคนหรือคิดเป็น 70%ของประชากร และเป้าจัดหาวัคซีนครบ 100 ล้านโดส เพื่อฉีดให้ประชาชน 50 ล้านคนภายในสิ้นปี 2564 เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่
เรื่องนี้อาจถือเป็นโอกาสสุดท้ายที่ให้รัฐบาลพิสูจน์ฝีมือ เพราะถ้าทำไม่ได้ตามแผน แถมโควิดยิ่งลาม รัฐบาลก็ยิ่งเสื่อมศรัทธา ยิ่งถูกรุมซัดบริหารจัดการล้มเหลว หาทางแก้ตัวไม่ได้อีกต่อไป
ขณะเดียวกันจากกระแสไม่พอใจในช่วงที่ผ่านมา ทำให้เมื่อครบ 7 ปีรัฐประหาร ในวันที่ 22 พ.ค. ที่ผ่านมา มีหลายคนออกมาตั้งคำถามทวงสัญญา 7 ปีที่ผ่านมามีอะไรเปลี่ยนแปลง
ที่ออกมาทำพีค เห็นจะเป็นน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ 7 ปีที่แล้วต้องตกจาก“นารีขี่ม้าขาว”กลายเป็น“นารีพเนจร”ก็มาตะโกนทวงสัญญา 7 ปีรัฐประหาร คืนความสุขแล้วหรือยัง? พร้อมกรีดแรงบอกเจ็บปวดใจและขมขื่นแทนประชาชน
นอกจากนี้อีกจุดพีคสำคัญที่กำลังจะมาถึง ใกล้วันเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2565 ในวาระแรก ในวันที่ 31 พ.ค.–2 มิ.ย.นี้
แต่ที่กลายเป็นปัญหาหลังศบค.สั่งงดการประชุมกรรมาธิการทุกคณะ ทั้งสามัญและวิสามัญ และอนุกรรมาธิการ จนกว่าจะกำหนดเป็นอย่างอื่น ขณะที่นายอนันต์ ผลอำนวย ส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานกรรมาธิการ(กมธ.) กิจการสภาผู้แทนราษฎร เสนอขอให้เลื่อนประชุมถก พ.ร.บ.งบฯ ออกไปก่อน ห่วงเกิดคลัสเตอร์สภาฯ
ทำให้ฝ่ายค้านทั้งพรรคเพื่อไทยและก้าวไกล ออกมาท้วงอย่าฉวยโอกาสอ้างสถานการณ์โควิด-19 เลื่อนเพื่อปัจจัยการเมือง ปิดกั้นการตรวจสอบ
ทั้งนี้ทั้งนั้น นายกฯ และรัฐบาลควรชิงโอกาสใช้เวทีสภาผู้แทนราษฎรนี้ ชี้แจงทำความเข้าใจให้สภาและประชาชนได้รับทราบหลักของความเป็นจริงทั้งหมด โดยเฉพาะปัญหาโควิด-19 และได้เห็นถึงความตั้งใจจริงในการแก้ปัญหาต่างๆ ดีกว่าถูกครหาปิดกั้นการตรวจสอบ
เพราะไม่เช่นนั้นคนยิ่งกังขา จนทำให้ทุกฝ่ายหันหลังให้กับรัฐบาลได้…